ชิปปิ้ง เมื่อที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น เจ้าของแบรนด์ นักการตลาด นักโฆษณา หรือนักสื่อสาร มักพุ่งเป้าหมายไปยังประชากร 2 Generations ด้วยกัน นั่นก็คือ กลุ่ม ‘Silver Gen’ หรือที่รู้จักกันดีอีกชื่อคือ ‘Baby Boomers’ (อายุ 55 ปีขึ้นไป)
เป็นกลุ่มที่มีกำลังเงิน และมีเวลา จึงเป็นกลุ่มที่มีแบรนด์หมายตาเพราะมีศักยภาพในการซื้อสินค้าสูง และกลุ่ม ‘Gen Y’ มีอายุตั้งแต่ 25-42 ปี เป็นบุตรของ Baby Boomers เป็นกลุ่มวัยทำงาน ที่เริ่มต้นสร้างครอบครัว จึงมีกำลังการใช้จ่ายที่สูง
นอกจากนี้ ยังมีประชากรอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ ‘Gen Z’ เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุระหว่าง 10-24 ปี ประชากรกลุ่มนี้เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น สภาพสิ่งแวดล้อม สภาพสังคม และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี ส่งผลให้ตัวตนรวมไปถึงมุมมอง หรือทัศนคติของผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับประชากรกลุ่มอื่น
ชิปปิ้ง กับ ตัวตนของประชากร ‘Gen Z’ จึงมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากคนกลุ่มอื่น ดังนี้
- เป็นลูกของ Gen X และปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรกลุ่ม Gen Z กว่า 12 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่ากลุ่ม Baby Boomers และ Gen Y เนื่องจาก Gen X แต่งงานน้อยลง หรือแต่งงานแล้ว แต่ยังไม่มีลูก หรือมีลูก 1-2 คนเท่านั้น ถึงอย่างนั้น กลับเป็นกลุ่มที่มีพลังในการแสดงออกถึงสิทธิและเสียงในสังคมสูง
- เกิดมาในยุคของ ‘Internet of Everything’ และเป็น ‘Tech Innate’ มีชีวิตและเทคโนโลยีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเห็นเด็กทารกเลื่อนหน้าจอหรือสไลด์หน้าจอมือถือได้ตั้งแต่ยังไม่ตั้งไข่หรือเริ่มหัดเดินเลยด้วยซ้ำ
- ไม่แบ่งแยกเพศ ‘Gen Z’ จะไม่มีการพูดถึงเพศหญิงหรือเพศชาย ซึ่งมุมมองของคนกลุ่มนี้คือ ไม่มีการแบ่งแยกทางเพศ
- ให้ความสำคัญกับความเป็นตัวเอง ความเท่าเทียม และความหลากหลาย เคารพคุณค่าความเป็นตัวเอง เชื่อในความเท่าเทียม (Equality) และเชื่อในความหลากหลาย (Diversufy)
- เชื่อ Real People มากกว่า Celebrity คน ‘Gen Z’ เชื่อในประสบการณ์จริงของ Real People มากกว่าที่จะเชื่อ Celebrity และ Influencer ที่มีจำนวนผู้ติดตามมากกว่า
- Gen Z สืบค้นข้อมูลจากประสบการณ์ของตัวเอง และแหล่งข้อมูลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ พวกเขามีความเชื่อมั่นในตัวเองและมีความคิดเป็นของตัวเองสูง อย่างไรก็ตาม สำหรับ Customer Journey ของการสืบค้นหาข้อมูลบนดิจิทัล ประกอบด้วย 3O ด้วยกัน ได้แก่ Own Information เป็นข้อมูลจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง / Others Information ข้อมูลจาก Social Media อาทิ เว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของแบรนด์โดยตรง เช่น Blogger หรือ Reviewer / Outer Information เป็นข้อมูลที่ทางแบรนด์จัดเตรียมเอาไว้ให้ ซึ่ง Customer Journey ในการสืบค้นข้อมูลของ Gen Z มีด้วยกัน 2O นั้นคือ Own Information คือจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองโดยตรง และ Other Information คือการหาข้อมูลจากบุคคลที่สาม ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแบรนด์ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า Gen Z เลือกที่จะเชื่อหรือให้ความไว้วางใจกับแหล่งข้อมูลที่มาจากประสบการณ์จริงของตัวเอง หรือเป็นประสบการณ์จริงจากบุคคลอื่น ที่ไม่ใช่ข้อมูลที่มาจากแบรนด์
- มี Brand Loyalty ลดลง เนื่องจากต้องการการเปลี่ยนแปลง และได้ทำสิ่งสำคัญใหม่ๆ
‘Loyalty’ คำๆ นี้ในมุมมองของ Gen Z หมายถึง ความภักดีต่อตัวเอง (Loyalty to Self) ซึ่งไม่ใช่ต่อแบรนด์ หรือต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทำให้ผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z มี Brand Loyalty ที่ลดน้อยลงอย่างมาก เห็นได้อย่างชัดจากการเปลี่ยนงานบ่อยๆ ทั้งคน Gen Y และ Gen Z เฉลี่ยคือประมาณ 1- 2 ปี ตรงกันข้ามกับ Baby Boomers และ Gen X จะทำงานที่ใดที่หนึ่งจนเกษียณ
สาเหตุที่ทำให้ Gen Z มีความภักดีต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดน้อยลง เป็นเพราะคน Gen นี้ต้องการความเปลี่ยนแปลง ต้องการประสบการณ์ที่หลากหลาย และได้ทำสิ่งสำคัญใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นคน Gen Z จะอยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบ Gig Economy มากยิ่งขึ้น เพราะคน Gen Z ไม่ใช่คนที่สามารถอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดนานได้
- เป็น Purpose Driven Gen เลือกทำงานกับองค์กรที่มีจุดประสงค์ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
ดังที่กล่าวไปแล้วว่า ‘Gen Z’ ได้เกิดมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ สภาพอากาศที่มีความผันผวน และการเปิดรับข่าวสารข้อมูลจากทั่วโลก เป็นผลให้ประชากรกลุ่มนี้มี Purpose หรือมีจุดประสงค์อันแรงกล้าเกี่ยวกับสังคมและสิ่งแวดล้อม
- Gen Z ไม่ใช่คิดใหญ่เท่านั้น แต่คิดแล้วลงมือทำ และมี Passion to Success
Gen Z ถือเป็นกลุ่มที่คิดแล้วลงมือทำเลย พร้อมกับ Learning by Doing ไปด้วย ที่สำคัญ คนกลุ่มนี้มี Passion to Success บางอย่างทำให้เขารู้ว่าทำคนเดียวอาจสำเร็จช้าหรือไม่อาจทำได้ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นเขาจะชักชวนเพื่อนมาช่วยกัน เห็นได้จากปัจจุบันนักเคลื่อนไหวสิ่งแวดล้อม ถือเป็นคนรุ่นใหม่ และอายุน้อยลง ทำแคมเปญรณรงค์ให้คนในประเทศหรือคนทั้งโลกร่วมกัน ในบางกรณีของการสร้างธุรกิจนั้น ทุกวันนี้ Entrepreneur เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น เพราะคนกลุ่มนี้เมื่อได้มี Passion ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว จะเริ่มลงมือทำทันที
- ต้องการความจริงใจและความโปร่งใส
Gen Z ต้องการความโปร่งใส น่าเชื่อถือ และความจริงใจ ยิ่งด้วยสังคมยุคออนไลน์และ Social Media สามารถสืบค้นข้อมูลได้จากทั่วโลก ทั้งนี้ในมุมมองของ Gen Z จึงบอกว่าความลับไม่มีในโลก ยิ่งแบรนด์มีการหมกเม็ด หรือปกปิดข้อมูลบางอย่างเอาไว้ Gen Z จะสืบเสาะหาข้อมูลหรือสิ่งที่ปกปิดไว้จนเจอ
แบรนด์จะเอาชนะใจ Gen Z ได้อย่างไร ?
เมื่อเข้าใจตัวตน ทัศนคติ และมุมมองของคน Gen Z ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ ‘GREAT’ ที่แบรนด์จะต้องใช้ Engage และชนะใจผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้ ประกอบไปด้วย
G-Generous
ต้องเป็นแบรนด์ที่เปิดกว้าง และให้ความสำคัญในเรื่องของความเสมอภาคหรือความเท่าเทียมกัน (Equality) เข้าใจในความแตกต่างและความหลากหลาย (Diversity)
R-Real
วิวัฒนาการของการตลาดเปลี่ยนจากยุค Product Centric >> Customer Centric >> ‘Human Centric’ ซึ่งเป็นยุคปัจจุบันของแบรนด์ ดังนั้นแบรนด์ที่สามารถคว้าใจผู้บริโภค Gen Z ต้องเป็น ‘Human Brand’ เป็นแบรนด์ที่ Real และไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ
E-Environmental Concerns
ต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับต้นๆ หากแบรนด์ไม่ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวแล้ว สุดท้ายจะถูก Gen Z กดดันให้แบรนด์ต้องมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การเปลี่ยนแปลง ‘แพ็คเกจจิ้ง’
A-Action
เจ้าของแบรนด์ นักการตลาด แต่ก่อนนั้นได้ถูกสอนหรือเรียนรู้มาว่า การเล่าเรื่องเก่งๆ แบรนด์ต้องมี Story แต่ในมุมมองของ Gen Z ไม่ได้สนใจว่าแบรนด์นั้นๆ จะสามารถเล่าเรื่องได้เก่งแค่ไหน เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับการลงมือทำเลย หรือ Brand Doing และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมากกว่า
Gen Z จึงมองว่า ROI คือ Return On Impact เป็น Real Action ที่ก่อให้เกิด Impact กับใครได้บ้าง ไม่ใช่เฉพาะกับแบรนด์ กับยอดขายเท่านั้น แต่มันต้องสร้าง Impact ให้ทั้งกับ People Planet Profit
T-Transparency
Gen Z ให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีความโปร่งใส ต้องไม่บอกความจริงเพียงครึ่งเดียว และในกรณีแบรนด์ได้เกิดความผิดพลาดขึ้น ต้องรีบแสดงตัวออกมารับผิดชอบด้วยการขอโทษ พร้อมแจ้งจะรีบดำเนินการแก้ไขอย่างไรต่อไป จะได้ใจ Gen Z ไปเต็มๆ กลายเป็นโอกาสให้แบรนด์สามารถบริหารจัดการกับวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับ Gettaoba ได้ติดตามข่าวสารและอัปเดทบริการด้านชิปปิ้ง เพื่อให้ตอบโจทย์คน Gen Z ให้ได้มากที่สุด ด้วยบริการชิปปิ้งที่สามารถดำเนินการได้ผ่านแอปพลิเคชั่นของ Gettaoba ที่สามารถดำเนินการชิปปิ้งได้บนสมาร์ทโฟนทั้งระบบ IOS และ Android หรือหากสนใจสินค้าจากจีนที่สั่งซื้อจาก Taobao และ Tmall แต่ยังไม่มีบริการขนส่ง (ชิปปิ้) ที่ไว้วางใจ ให้ Gettaoba ดูแลเรื่องชิปปิ้ง รายละเอียดเงื่อนไขและการบริการไม่ยุ่งยาก สามารถดำเนินการเรื่องชิปปิ้งได้ด้วยตัวเอง ตอบโจทย์คน Gen Z