ชิปปิ้ง 5 เทรนด์ E-Commerce ที่ยังอยู่ ผู้ประกอบการออนไลน์ต้องรู้

ชิปปิ้ง 5 เทรนด์ที่ยังอยู่ ร้านค้าออนไลน์ต้องรู้ gettaoba ชิปปิ้ง ชิปปิ้ง 5 เทรนด์ E-Commerce ที่ยังอยู่ ผู้ประกอบการออนไลน์ต้องรู้ 5                                                                                                                  Web 768x402

ชิปปิ้ง ธุรกิจขนส่งสินค้าที่มีการเติบโตตามธุรกิจ E-Commerce โดยเฉพาะในช่วง Covid-19 ที่ผ่านมา ยิ่งกระตุ้นให้พฤติกรรมของผู้คนหันไปจ่ายจ่ายซื้อของผ่านออนไลน์มากขึ้นกว่าเดิม

มีข้อมูลที่น่าสนใจจากการจัดสัมมนาของ Line ประเทศไทย ซึ่งได้รวบรวมเทรนด์ของโลกธุรกิจค้าปลีกเอาไว้ พร้อมเทคโนโลยีการสื่อสารที่น่าจับตามอง โดยมีผู้คร่ำหวอดในวงการค้าปลีกจากหลากหลายแบรนด์ทั่วไทย ร่วมแชร์ประสบการณ์

โดยเราเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกเป็นอย่างยิ่ง จึงได้เรียบเรียงข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ 5 เทรนด์ E-Commerce ที่ยังได้รับความนิยม ดังต่อไปนี้

1. คนส่วนใหญ่ยังคงใช้สมาร์ทโฟนในการช็อปปิ้ง

จากผลการสำรวจของ The Standard Thailand พบว่า คนไทยซื้อสินค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย 40% e-Marketplace อีก 35% e-Tailers หรือ e-Brand 25% ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการซื้อผ่านทางสมาร์ทโฟนกว่า 99% กอปรกับการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในยุคนี้ เกิดขึ้นในเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่นาที ดังนั้น ก่อนผู้ประกอบการจะจำหน่ายสินค้า จึงต้องเตรียมข้อมูลของสินค้าเหล่านั้นให้ครบถ้วนผ่านช่องทางออนไลน์บนสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะการทำภาพสินค้าในแนวตั้งหรือภาพที่ดูแล้วพอดีกับจอมือถือ มีรายละเอียดของสินค้าครบถ้วน ภาพต้องชัด รวมทั้งหน้าเว็บไซต์ของร้านต้องสามารถรองรับกับการดาวน์โหลดข้อมูลสินค้าได้อย่างรวดเร็วทันใจ

2. ไลฟ์สดขายของ สร้างยอดขายได้ดีกว่า

ปัจจุบัน พฤติกรรมของลูกค้าไม่ได้เข้ามาในหน้าร้านเพื่อซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังเข้ามาเพื่ออัพเดตข่าวสาร ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น ดู Live เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อ เล่นเกมเพื่อรับส่วนลด ติดตามดีลส่วนลดพิเศษต่างๆ โดยเฉพาะการ Live สดในยุคนี้ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้มาก การสร้าง Content ที่ดีมีคุณภาพบนแพลตฟอร์ม จะทำให้ลูกค้าใช้เวลากับร้านค้าได้นานขึ้น และโอกาสที่จะตัดสินใจซื้อก็เพิ่มมากขึ้นด้วย

3. นักช็อปสามารถซื้อทุกอย่างที่ขายทางออนไลน์

นักช้อปออนไลน์ยุคใหม่ไม่เพียงแค่ซื้อของใช้ เครื่องประดับ สินค้าแฟชั่น สินค้าเทคโนโลยี ฯลฯ ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น แต่ยังนิยมซื้อสินค้าจำพวก ประกันชีวิต ประกันภัยรถยนต์ ผ่านช่องทางนี้ด้วย เพราะมองว่าการซื้อผ่านออนไลน์สามารถทำได้ง่าย สะดวกสบาย

4.ขยันทำแคมเปญ กระตุ้นคำสั่งซื้อให้ปังได้

ว่ากันว่า Share Buy เป็นแคมเปญส่งเสริมการขายที่พบได้บ่อยในปีที่ผ่านมา ลักษณะของแคมเปญคือการซื้อสินค้าแบบกลุ่มหรือ ‘ซื้อกลุ่ม คุ้มกว่า’ ได้ราคา “ถูกกว่า” เพื่อให้คุณสามารถรวมกลุ่มกับเพื่อน คนในครอบครัว หรือลูกค้าที่สนใจในสินค้าตัวเดียวกัน เพื่อให้ได้สินค้าในราคาพิเศษหรือได้ราคาสินค้าที่ถูกลง แคมเปญลักษณะนี้ นอกจากจะสร้างยอดขายแล้ว ยังทำให้แคมเปญเป็นที่รู้จัก และถูกพูดถึงในวงกว้าง ผลลัพธ์ก็คือ ทำให้มีคนรู้จักแบรนด์มากยิ่งขึ้น

5. พลังของ Social เข้าถึงผู้บริโภคได้มหาศาล

เจ้าของร้านค้าจำเป็นต้องเลือกใช้ Social Platform ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งต้องทำความเข้าใจด้วยว่า แต่ละโซเชียลมีเดียนั้นมีการทำงานและลักษณะที่แตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อาทิ

Instagram เน้นนำเสนอรูปภาพเป็นหลัก เพราะฉะนั้น รูปภาพจึงต้องสวย คมชัด 

Facebook เน้นนำเสนอแคปชั่น และ VDO เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมจากร้านค้ามากที่สุด และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากที่สุดเช่นกัน

Line และ LINE@ ช่องทางนี้ก็เป็นอีกช่องทางในการสื่อสารที่ควรมีอย่างยิ่ง แต่นั่นต้องหลังจากที่คุณมีเพจ Facebook หรือ ร้านบน Instagram เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นช่องทางที่ร้านสามารถใช้สื่อสาร พูดคุยกับลูกค้าได้อย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกันร้านค้าก็สามารถอัพเดตสินค้าคอลเลกชั่นใหม่ และโปรโมชั่นล่าสุดได้อีกด้วย

แม้ว่าแนวโน้มของเทรนด์ดังกล่าวนี้ จะเป็นที่คาดการณ์กันว่าจะยังอยู่ต่อไปอีกนาน แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในวงการค้าปลีก ก็จำเป็นต้องหมั่นอัปเดทสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม ส่องเทรนด์ E-Commerce ที่กำลังมาในปี 2021)

อ้างอิงและเรียบเรียงข้อมูลจาก : https://www.scglogistics.co.th/site-optimization-tips-for-modern-ecommerce/